เจาะหลักการ Data Governance เพื่อการใช้ข้อมูลลูกค้าอย่างถูกกฎหมาย PDPA และ GDPR : [ MarTech Basic EP. 19 ]
martech-basic 21 Oct 2025
Author : superadmin
ในยุคที่ MarTech (Marketing Technology) กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ การเข้าถึงและใช้ข้อมูลลูกค้า คือสิ่งที่ทำให้นักการตลาดสามารถสร้างประสบการณ์ที่เป็นส่วนตัว (personalization) เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าได้อย่างมาก
แต่เหรียญอีกด้านหนึ่งของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีนี้คือ ความเสี่ยงทางกฎหมาย เช่นกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลระดับโลกและระดับภูมิภาค เช่น GDPR (General Data Protection Regulation) ของสหภาพยุโรป และ PDPA (Personal Data Protection Act) ของประเทศไทย ซึ่งเป็นกฎหมายที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโลกธุรกิจ และทำให้นักการตลาดต้องปรับเปลี่ยนวิธีการจัดเก็บและใช้ข้อมูลอย่างสิ้นเชิง
Data Governance (ธรรมาภิบาลข้อมูล) จึงไม่ใช่แค่เรื่องของฝ่ายไอทีอีกต่อไป แต่คือ ภารกิจหลัก ของนักการตลาดทุกคนในการทำให้มั่นใจว่าข้อมูลลูกค้าถูกจัดเก็บ ใช้ และจัดการตามข้อกำหนดทางกฎหมายอย่างเคร่งครัด
1 : ข้อกำหนดทางกฎหมายที่นักการตลาดต้องรู้ (PDPA และ GDPR)
แม้ว่า GDPR และ PDPA จะมีความแตกต่างกันในรายละเอียด แต่หลักการพื้นฐานที่นักการตลาดต้องยึดถือในการใช้เทคโนโลยี MarTech นั้น มีความสอดคล้องกันอย่างมาก
1.1 หลักการขอความยินยอม (Consent)
- แกนหลัก: การประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลจะต้องทำบน ฐานทางกฎหมาย (Legal Basis) ที่ถูกต้อง ซึ่งสำหรับกิจกรรมทางการตลาดส่วนใหญ่คือ “การได้รับความยินยอม” จากเจ้าของข้อมูล
- สิ่งที่นักการตลาดต้องทำ :
- ต้องเจาะจงและชัดเจน: การขอความยินยอมต้องทำอย่างชัดเจน แยกออกจากข้อกำหนดและเงื่อนไขอื่น ๆ ไม่ใช่การบังคับยอมรับ
- ยกเลิกง่าย (Easy Withdrawal): ลูกค้าต้องสามารถ ยกเลิกความยินยอม (Withdraw Consent) ได้ง่ายเหมือนการให้ความยินยอม (เช่น ปุ่ม Unsubscribe ที่ชัดเจน หรือ Preference Center)
- ต้องเจาะจงและชัดเจน: การขอความยินยอมต้องทำอย่างชัดเจน แยกออกจากข้อกำหนดและเงื่อนไขอื่น ๆ ไม่ใช่การบังคับยอมรับ
- ความเกี่ยวข้องกับ MarTech: แพลตฟอร์ม CRM (Customer Relationship Management), DMP (Data Management Platform), และ Marketing Automation ต้องสามารถ บันทึกสถานะความยินยอม ของลูกค้าแต่ละรายได้อย่างละเอียด (เช่น ลูกค้าคนนี้ยินยอมให้ส่งอีเมล แต่ไม่ยินยอมให้ใช้ข้อมูลเพื่อโฆษณา Retargeting)
1.2. สิทธิของเจ้าของข้อมูล (Data Subject Rights)
กฎหมายเหล่านี้ให้สิทธิแก่ประชาชนในการควบคุมข้อมูลของตนเอง ซึ่งสร้างความท้าทายในการจัดการข้อมูลผ่านระบบ MarTech ที่ซับซ้อน:
- สิทธิในการเข้าถึง (Right of Access): ลูกค้าสามารถร้องขอให้บริษัทแสดงข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดที่บริษัทมีอยู่
- สิทธิในการแก้ไข (Right to Rectification): ลูกค้าสามารถขอให้แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง
- สิทธิที่จะถูกลืม (Right to be Forgotten / Erasure): ลูกค้าสามารถร้องขอให้บริษัทลบข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมดออกจากระบบ
- สิ่งที่นักการตลาดต้องทำ: ระบบ MarTech (โดยเฉพาะ Customer Data Platform – CDP) จะต้องมีความสามารถในการ ค้นหา รวบรวม และลบข้อมูลของบุคคลใดบุคคลหนึ่ง ออกจากทุกฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว เพื่อตอบสนองต่อคำร้องขอตามกฎหมาย
1.3. การกำหนดผู้รับผิดชอบ (DPO/Data Controller/Data Processor)
- ในทางกฎหมาย: องค์กรต้องกำหนดบทบาทของผู้รับผิดชอบข้อมูล (Data Controller) และผู้ประมวลผลข้อมูล (Data Processor)
- สิ่งที่นักการตลาดต้องทำ: นักการตลาดมักจะเป็น Data Controller ที่ตัดสินใจว่าจะใช้ข้อมูลอย่างไร จึงต้องรับผิดชอบในการทำความเข้าใจว่า ข้อมูลที่เก็บผ่าน MarTech Stacks (เช่น Google Analytics, Facebook Pixel) นั้นมีสถานะทางกฎหมายเป็นอย่างไร และคู่ค้า (Vendor) ในระบบ MarTech ของเราได้ปฏิบัติตามกฎหมายในฐานะ Data Processor หรือไม่
2 : Data Governance ในทางปฏิบัติสำหรับ MarTech
การปฏิบัติตามกฎหมายไม่ใช่แค่การทำเครื่องหมายในช่องสี่เหลี่ยม แต่เป็นการสร้าง Data Governance Framework ที่ฝังอยู่ในโครงสร้าง MarTech และกระบวนการทำงานทั้งหมด
2.1. การสร้าง Preference Center ที่เป็นมิตร (The Consent Gateway)
เครื่องมือ MarTech ที่ดีต้องเริ่มต้นที่การจัดการความยินยอมอย่างเป็นระบบ
- จุดศูนย์กลางของความยินยอม: แทนที่จะมีปุ่ม “ยอมรับคุกกี้” ที่เข้าใจยาก ควรมี Preference Center ที่ชัดเจน ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่ายินยอมให้ใช้ข้อมูลของตนในกิจกรรมใดบ้าง (เช่น การส่งจดหมาย, การวิเคราะห์พฤติกรรมบนเว็บไซต์, การโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมาย)
- การเชื่อมต่อ MarTech Stack: ข้อมูลความยินยอมจาก Preference Center จะต้องถูกส่งต่อไปยังทุกแพลตฟอร์มใน MarTech Stack (CDP, CRM, Marketing Automation) เพื่อให้ระบบเหล่านั้นทำงานได้โดยอิงตามสิทธิ์ที่ลูกค้าให้ไว้เท่านั้น (เช่น ถ้าลูกค้าไม่ยินยอมให้ใช้เพื่อโฆษณา ระบบจะต้องไม่ส่งข้อมูลของลูกค้าคนนี้ไปยัง Facebook Ads)
2.2. การจัดระเบียบข้อมูล (Data Mapping) ด้วย CDP
ในอดีต ข้อมูลลูกค้ากระจัดกระจายอยู่ในหลายระบบ (Silos) ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งในยุค PDPA
- CDP ในฐานะศูนย์กลาง: Customer Data Platform (CDP) เข้ามามีบทบาทสำคัญในการรวบรวมข้อมูลจากแหล่งต่าง ๆ และสร้าง มุมมองเดียวของลูกค้า (Single Customer View) ซึ่งช่วยให้การทำ Data Mapping ง่ายขึ้น
- การจัดการสิทธิอย่างอัตโนมัติ: เมื่อลูกค้าใช้ สิทธิที่จะถูกลืม (Right to be Forgotten) CDP จะเป็นศูนย์กลางในการดำเนินการลบข้อมูลของลูกค้าคนนั้นออกจากทุกระบบย่อยที่เชื่อมต่ออยู่โดยอัตโนมัติ ทำให้ลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะหลงเหลืออยู่ในระบบใดระบบหนึ่ง
- การจัดหมวดหมู่ข้อมูล: นักการตลาดต้องกำหนดประเภทของข้อมูลที่เก็บ (เช่น ข้อมูลส่วนตัวทั่วไป, ข้อมูลอ่อนไหว) และระดับความเสี่ยงในการใช้ เพื่อกำหนดนโยบายการจัดเก็บและลบข้อมูลที่แตกต่างกัน

2.3. การใช้เทคโนโลยี Cookieless และ Privacy-Enhancing Technologies (PETs)
การพึ่งพาคุกกี้ของบุคคลที่สาม (Third-Party Cookies) นั้นกำลังจะหมดไป นักการตลาดจึงต้องใช้ MarTech ที่เป็น Privacy-First
- การวัดผลแบบรวม (Aggregated Measurement): หันไปใช้เครื่องมือที่วิเคราะห์ข้อมูลในระดับกลุ่ม (เช่น Marketing Mix Modeling – MMM) แทนการติดตามพฤติกรรมทีละบุคคล เพื่อวัดผลโดยไม่ต้องละเมิดความเป็นส่วนตัว
- Server-Side Tracking: ย้ายกระบวนการติดตามข้อมูลจากฝั่งเบราว์เซอร์ (Client-Side) ไปยังฝั่งเซิร์ฟเวอร์ (Server-Side) เพื่อให้สามารถควบคุมข้อมูลที่จะส่งไปยังแพลตฟอร์มโฆษณาภายนอกได้ดีขึ้น และมั่นใจว่าข้อมูลที่ส่งไปนั้นเป็นไปตามความยินยอมที่ลูกค้าให้ไว้
3 : Data Governance: วินัยใหม่ขององค์กรและนักการตลาด
Data Governance ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมายเท่านั้น แต่เป็น โอกาส ในการสร้างความไว้วางใจและความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าในระยะยาว
Data Governance Checklist สำหรับ MarTech:
3.1. นโยบายการเก็บข้อมูล (Data Retention Policy): กำหนดระยะเวลาที่ชัดเจนในการเก็บข้อมูลแต่ละประเภท หากไม่จำเป็นต้องใช้แล้ว ข้อมูลนั้นจะต้องถูกทำลายอย่างปลอดภัย
3.2. การฝึกอบรม (Training): นักการตลาดทุกคนต้องได้รับการฝึกอบรมอย่างสม่ำเสมอเกี่ยวกับหลักการ PDPA/GDPR และนโยบายภายในของบริษัทในการใช้ MarTech
3.3. การตรวจสอบ (Auditing): มีการตรวจสอบระบบ MarTech และกระบวนการทำงานเป็นระยะ เพื่อให้แน่ใจว่าการประมวลผลข้อมูลยังคงเป็นไปตามความยินยอมที่ได้รับและไม่มีข้อมูลรั่วไหล
3.4. การประเมินผลกระทบด้านความเป็นส่วนตัว (PIA): ก่อนนำเทคโนโลยี MarTech หรือแคมเปญใหม่ ๆ มาใช้ ควรทำ Privacy Impact Assessment (PIA) เพื่อประเมินความเสี่ยงต่อความเป็นส่วนตัวของข้อมูลล่วงหน้า
สรุป
การบูรณาการ Data Governance เข้ากับ MarTech Stack คือก้าวสำคัญที่ทำให้การตลาดในยุคดิจิทัลไม่เพียงแค่มีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ยัง มีความรับผิดชอบ (Ethical) และ ยั่งยืน (Sustainable) ในระยะยาว การลงทุนในกระบวนการและเทคโนโลยีที่ถูกต้องตามกฎหมายเหล่านี้คือการลงทุนใน ความน่าเชื่อถือ ของแบรนด์นั่นเอง
. : รู้จัก PAM Realtime CDP ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติและ CDP ไทย ที่ PAMs.ai : .
Share :
Start using PAM today
Reach every customer steps, make every action count.
Related Blogs