Zero-Party Data (ZPD) ข้อมูลที่ลูกค้าเต็มใจมอบให้ คือสิ่งสำคัญในยุคนี้ : [ MarTech Basic EP. 20 ]
martech-basic 28 Oct 2025
Author : superadmin
โลกของการตลาดกำลังเผชิญหน้ากับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เมื่อความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีถูกคานด้วยกระแส Privacy-First กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น PDPA และ GDPR) ได้จำกัดการใช้ข้อมูล ขณะที่เบราว์เซอร์หลัก ๆ กำลังยกเลิกการรองรับ Third-Party Cookies ทำให้วิธีการเก็บข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าแบบ “แอบดู” ถึงจุดสิ้นสุด
ในสถานการณ์เช่นนี้ องค์กรที่ยังคงพึ่งพาการเดาพฤติกรรมของลูกค้าจะพบกับความท้าทายอย่างหนักในการทำ Personalization ที่แม่นยำ ทางรอดเดียวของการตลาดในยุคใหม่คือการเปลี่ยนจากการ สังเกตการณ์ ไปสู่การ สร้างบทสนทนา กับลูกค้า และนั่นคือที่มาของ Zero-Party Data (ZPD)
Part 1: Zero-Party Data คืออะไร ?
เพื่อให้เข้าใจ ZPD อย่างชัดเจน ต้องแยกความแตกต่างกับข้อมูลประเภทอื่นที่นักการตลาดคุ้นเคย:
- First-Party Data (FPD): ข้อมูลที่แบรนด์เก็บผ่านการสังเกตพฤติกรรม (Observed Behavior) ของลูกค้าบนช่องทางของตนเอง เช่น ลูกค้าคลิกดูสินค้า X, ลูกค้าใช้เวลาบนหน้านี้ Y วินาที, ลูกค้าซื้อสินค้า Z ข้อมูลนี้มีความแม่นยำ แต่ยังคงเป็นการ อนุมาน (Inferred) ว่าลูกค้าสนใจอะไร
- Zero-Party Data (ZPD): ข้อมูลที่ลูกค้า ตั้งใจและเต็มใจ (Intentionally and Proactively) ที่จะมอบให้กับแบรนด์โดยตรง โดยมีเจตนาแลกเปลี่ยนกับคุณค่าที่คาดว่าจะได้รับ (Value Exchange) ZPD คือข้อมูลที่ลูกค้า บอก เราเอง
ตัวอย่าง ZPD:
- “ฉันกำลังมองหา [รองเท้าวิ่ง] สำหรับ [ซ้อมมาราธอน] และสนใจ [สีฟ้า] เป็นพิเศษ” (ผ่าน Quiz บนเว็บไซต์)
- “ฉันต้องการให้ส่งอีเมลโปรโมชั่น [เฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์] และไม่ต้องการรับการแจ้งเตือนทาง SMS” (ผ่าน Preference Center)
- “ปัญหาผิวของฉันคือ [ผิวแห้ง] และฉันแพ้ส่วนผสม [พาราเบน]” (ผ่านแบบสำรวจก่อนการให้คำปรึกษา)
ความสำคัญของ ZPD ในยุคใหม่ (The Triple Win)
- ความแม่นยำสูงสุด (The Truth): ZPD คือข้อมูลที่มาจากแหล่งที่มาที่น่าเชื่อถือที่สุด นั่นคือ ลูกค้าเอง มันขจัดความจำเป็นในการเดาสุ่ม ทำให้สามารถทำ Hyper-Personalization ได้อย่างตรงจุดทันทีตั้งแต่การปฏิสัมพันธ์ครั้งแรก (Day 1)
- ความถูกต้องตามกฎหมาย (The Compliance): ZPD ได้รับการยอมรับว่า ถูกต้องตามกฎหมาย (PDPA/GDPR) โดยปริยาย เพราะลูกค้าได้ให้ข้อมูลด้วยความสมัครใจและรับรู้ถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งานอย่างชัดเจน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมายขององค์กรได้อย่างมหาศาล
- การสร้างความเชื่อมั่น (The Trust): การขอข้อมูลอย่างโปร่งใส พร้อมเสนอคุณค่าที่จับต้องได้เป็นการสร้าง “สัญญาทางใจ” กับลูกค้า แบรนด์แสดงความเคารพต่อความเป็นส่วนตัว ซึ่งเป็นรากฐานของการสร้างความสัมพันธ์และความภักดีในระยะยาว
Part 2: กลไกและกลยุทธ์การเก็บ ZPD (Value Exchange Framework)
การเก็บ ZPD ไม่ใช่แค่การถามคำถาม แต่คือการออกแบบประสบการณ์ที่ลูกค้าจะรู้สึกว่า “คุ้มค่าที่จะให้”
| กลไกการเก็บ ZPD | รูปแบบการแลกเปลี่ยนคุณค่า (Value Exchange) |
| Quiz/Assessment | แลกกับผลลัพธ์ที่ปรับให้เป็นส่วนตัวทันที (เช่น “ค้นหาสินค้าที่เหมาะกับคุณ”, “หาโทนสีที่เหมาะกับห้อง”) |
| Preference Center | แลกกับการควบคุมประสบการณ์ของตนเอง (เช่น เลือกความถี่ในการรับอีเมล, เลือกหัวข้อที่สนใจ) |
| Guided Shopping | แลกกับคำแนะนำผลิตภัณฑ์แบบมืออาชีพ (เช่น คำถามนำทางก่อนการเลือกซื้อคอนแทคเลนส์ หรือเครื่องสำอาง) |
| Gamification/Polls | แลกกับส่วนลด, คะแนนสะสม, หรือโอกาสในการชนะรางวัล |
การใช้เครื่องมือ MarTech เช่น Customer Data Platform (CDP) เข้ามาช่วยในการรวมและจัดเก็บ ZPD ให้เป็นระเบียบ ทำให้ข้อมูลที่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อกระตุ้นแคมเปญ Marketing Automation และ Personalization ได้อย่างรวดเร็ว

Part 3: 3 Case Studies การใช้งาน Zero-Party Data สู่ความสำเร็จ
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนว่า ZPD เปลี่ยนเกมการตลาดได้อย่างไร ลองพิจารณาตัวอย่างการใช้งานจริงจากแบรนด์ชั้นนำในอุตสาหกรรมต่าง ๆ
Case Study 1: Ruggable (ธุรกิจพรมซักได้) – การเปลี่ยนคำถามให้เป็นยอดขาย
อุตสาหกรรม: อีคอมเมิร์ซ/ของตกแต่งบ้าน
ปัญหา: การซื้อพรมออนไลน์เป็นเรื่องยาก ลูกค้าไม่แน่ใจเรื่องขนาด, ลวดลาย, และวัสดุที่เหมาะสมกับพื้นที่ของตน การเดาพฤติกรรมอย่างเดียวไม่เพียงพอ
กลยุทธ์ ZPD: Ruggable สร้าง “Rug Quiz” ที่มีคำถามนำทาง (Guided Shopping) เช่น:
- “พรมนี้จะถูกวางไว้ที่ไหน? (ห้องนั่งเล่น, ห้องครัว, ระเบียง)”
- “ใครจะใช้พรมนี้? (มีสัตว์เลี้ยง, มีเด็กเล็ก, พื้นที่ใช้งานหนัก)”
- “คุณชอบสไตล์แบบไหน? (โมเดิร์น, โบฮีเมียน, วินเทจ)”
ผลลัพธ์:
- ข้อมูล ZPD ที่ได้มีความละเอียดสูง (เช่น ลูกค้าต้องการพรมที่ทนต่อสัตว์เลี้ยงในห้องนั่งเล่น) ถูกส่งเข้าสู่ระบบ CDP ทันที
- ระบบสามารถแนะนำพรมที่ ตรงกับความต้องการ ของลูกค้าได้อย่างแม่นยำ (Hyper-Personalization)
- ผลลัพธ์คือ Ruggable รายงานว่าผู้ที่ตอบ Quiz มี Conversion Rate สูงขึ้นถึง 4 เท่า เมื่อเทียบกับผู้เข้าชมทั่วไป และลดอัตราการคืนสินค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ
Case Study 2: Sephora (ธุรกิจความงาม) – Loyalty Program ที่เข้าใจลูกค้าจริง
อุตสาหกรรม: ค้าปลีกความงาม
ปัญหา: ลูกค้ามีผลิตภัณฑ์ความงามที่ใช้ซ้ำซ้อนกันมากเกินไป และต้องการคำแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจงกับสภาพผิวและสีผิวของตน
กลยุทธ์ ZPD: Sephora ผนวก ZPD เข้ากับโปรแกรม Beauty Insider Loyalty Program ของตน
- Beauty Quiz/Foundation Finder: ลูกค้ากรอกข้อมูล ZPD ที่ละเอียดเกี่ยวกับสภาพผิว (มัน, แห้ง, ผสม), โทนสีผิว (Undertone), และผลิตภัณฑ์ที่เคยแพ้หรือไม่ชอบ
- Preference Center (แบบละเอียด): ลูกค้าเลือกความสนใจที่เฉพาะเจาะจง เช่น “สนใจเฉพาะผลิตภัณฑ์ Vegan” หรือ “ต้องการทราบโปรโมชั่นเฉพาะน้ำหอมเท่านั้น”
ผลลัพธ์:
- ข้อมูล ZPD ช่วยให้ Sephora ส่งอีเมลและแคมเปญโฆษณาที่ หลีกเลี่ยง การแนะนำผลิตภัณฑ์ที่ลูกค้าเคยบอกว่าไม่ชอบหรือแพ้
- การแนะนำสินค้ามีความแม่นยำสูงขึ้นมาก สร้างความรู้สึกว่าแบรนด์ “ดูแลและฟังเสียง” ลูกค้าอย่างแท้จริง ซึ่งนำไปสู่การเพิ่ม Customer Lifetime Value (CLV) และความภักดีต่อแบรนด์ในระยะยาว
Case Study 3: Robinhood (บริการ Food Delivery) – Personalization ตั้งแต่วันแรก
อุตสาหกรรม: Food Delivery (ในไทย)
ปัญหา: ในฐานะผู้เล่นใหม่ในตลาด ต้องแข่งขันกับผู้เล่นเดิมที่มีข้อมูลพฤติกรรมการสั่งอาหารของลูกค้าอยู่แล้ว
กลยุทธ์ ZPD: Robinhood ใช้วิธีทางลัดในการทำ Personalization ตั้งแต่การปฏิสัมพันธ์ครั้งแรก (Day 1)
- In-App Preference Collection: ในขั้นตอนแรกของการลงทะเบียนใช้งาน ลูกค้าจะถูก ขอให้เลือกประเภทอาหารที่ชอบ อย่างน้อย 1-3 รูปแบบ (เช่น อาหารญี่ปุ่น, อาหารไทยรสเผ็ด, กาแฟ)
- Value Exchange: ลูกค้าเข้าใจว่าการให้ข้อมูลนี้จะทำให้พวกเขา เห็นร้านอาหารที่ตรงใจ ตั้งแต่การเปิดแอปครั้งแรก โดยไม่ต้องรอให้สั่งไปก่อนหลายครั้ง
ผลลัพธ์:
- Robinhood สามารถทำ Personalization แนะนำร้านค้าและหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้ใหม่ราบรื่นและดึงดูดใจ
- การใช้งาน ZPD ตั้งแต่ต้น ทำให้แบรนด์สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านประสบการณ์ลูกค้าได้ทันที โดยไม่ต้องอาศัยการสะสมข้อมูลพฤติกรรมที่ใช้เวลานาน
บทสรุป: ZPD คือกลยุทธ์ที่ยั่งยืนที่สุด
Zero-Party Data ไม่ใช่แค่เทรนด์ทางเลือก แต่เป็น กลยุทธ์ที่ยั่งยืนที่สุด ในการตลาดยุคดิจิทัลที่กำลังมุ่งสู่ความเป็นส่วนตัว (Privacy-Driven Era)
การลงทุนใน ZPD คือการลงทุนในการสร้างความสัมพันธ์ที่ โปร่งใส และ จริงใจ กับลูกค้า ซึ่งเป็นสิ่งเดียวที่จะอยู่รอดได้ในยุคที่ Third-Party Cookies กำลังจะหมดไปและกฎหมาย PDPA มีผลบังคับใช้อย่างเข้มงวด องค์กรที่สามารถออกแบบประสบการณ์ที่ลูกค้าเต็มใจและได้รับประโยชน์จากการให้ข้อมูลของตนเองเท่านั้น ที่จะสามารถเข้าถึง “ความจริง” เกี่ยวกับความต้องการของลูกค้า และก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดได้อย่างแท้จริง
. : รู้จัก PAM Realtime CDP ซอฟต์แวร์การตลาดอัตโนมัติและ CDP ไทย ที่ PAMs.ai : .
Share :
Start using PAM today
Reach every customer steps, make every action count.
Related Blogs